ผมได้ไปอ่านเจอบล็อกที่ให้ความรู้ดีๆ
แนะนำเทคนิคการเขียน
บทความแบบ Walking Success Style
ซึ่งบทความข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างที่คัดมาจาก
บล็อกชื่อว่า walkingsuccess.com
ต้องขอขอบคุณมากๆ คับที่เขียนบทความดีๆ
ที่เป็นประโยชน์
ลองอ่านดูไปพร้อมกันเลยคับ......
บทความแบบ Walking Success Style
พ่อไม่ค่อยได้กินแซนวิซ
เป็นคนไทยและอยู่ในวิถีชาวบ้าน เป็นเกษตรกร แซนวิซกับพ่อจึงเป็นสิ่งห่างไกลกัน ถ้าจะให้ใกล้ชิดก็คงจะเป็นพวกผักริมรั้ว ต้มแกง จิ้มน้ำพริก นั่นคงเป็นอาหารที่ถูกจริตกับพ่อมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะไม่เคยกินแซนวิซ นอกจากเป็นชาวบ้าน เป็นเกษตรกรแล้ว พ่อยังเป็นพ่อค้า ขายของเร่ไปตามหมู่บ้าน เมื่อถึงคราวหิว หาร้านก๋วยเตี๋ยวไม่มี พ่อก็แวะร้านชำ ซื้อแซนวิซรองท้อง
รสชาติมันแปลกกว่าแซนวิซที่พ่อกินวันนี้
บนเวลายาวนานของการรอคอย โรงพยาบาลมีทุกอย่าง ทั้งความหวัง ยารักษาโรค และหมอหรือเทวดา มีทุกอย่างจริงๆ ยกเว้นความรวดเร็ว ผมกับพ่อนั่งเตร่อยู่สามชั่วโมง ก่อนพบว่าเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายโมง ท้องหิวแต่คิวรอรับยายังมาไม่ถึง ยังไม่ทันจะเอ่ย พ่อก็พูดออกมาก่อนว่า หาอะไรมากินรองท้องก่อน (แกท่าจะหิวจริง ปกติไม่ค่อยออกปาก) ผมอาสาไปหาของกิน ให้พ่อนั่งรอรับยา ใกล้สุดสายตาเป็นร้านกาแฟ ผมเลือกที่นั่น (จะว่าไปมันก็เหมือนมีที่เดียวนั่นแหละ ทั้งโรงพยาบาล) สั่งเอสเปรสโซ่ให้ตัวเอง น้ำเปล่าหนึ่งขวด และแซนวิซสองชิ้น ควักแบ้งค์ร้อยยื่นให้พนักงาน เงินทอนเหลือไม่พอให้ขอทานริมถนน
มันเป็นแพคเก็ตที่งดงามและลำบากในการกิน บนเก้าอี้รอรับยา ไม่มีพื้นที่มากพอให้วางอะไรทั้งสิ้น ผมแกะแซนวิซบนตักส่งให้พ่อ แกกินไปหลายคำก่อนพูดออกมาว่า
“แซนวิซที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา”
“ยังไง” ผมถาม
“มันอร่อยกว่า”
ผมมึนเล็กน้อย ก่อนหยิบแซนวิซอีกชิ้นขึ้นมาดู พบว่ามันเป็นแซนวิซทูน่า พ่อคงไม่เคยกิน ก่อนอดขำและแซวไม่ได้
“ไม่เคยกินอะน่อ”
พ่อตอบว่า “เคยกินแต่ที่เป็นหมูหยองหรือไส้กรอก” อย่างหลังแกหมายถึงแฮม “เท่าไรนิ”
“ยี่สิบบาท” ผมตอบพ่อ
“โห มิน่ามันถึงอร่อย บ้านเราอันละสิบบาทเอง”
แซนวิซอันละ 20 บาท แพง?
พ่อไม่ได้บอกว่าแพง แต่พ่อคิดเปรียบเทียบแซนวิซทูน่าอันละ 20 บาท กับแซนวิซหมูหยองฝืดคออันละ 10 บาท พ่อไม่ได้ว่าอะไร แต่แกเข้าใจว่าแพงกว่าเท่าตัว ณ ตอนนั้นผมฉุกคิดขึ้นมาได้เลยว่า พ่อทำงานหนักมาทั้งชีวิต ส่งผมเรียนหนังสือจนจบปริญญา โดยไม่เป็นหนี้สักบาท วันนี้หากแกเดินเข้าร้านเองแล้วพบว่าแซนวิซราคา 20 บาท แกคงไม่ซื้อกิน แกไม่ได้อด แต่คงไปหาซื้ออย่างอื่นกินมากกว่า
มันก็กินได้เหมือนกัน – ผมว่าแกคิดแบบนั้น
ย้อนกลับมาที่ตัวเอง
ผมนั่งกินกาแฟ ขนมปัง แซนวิซ หรือเค้ก โดยจ่ายเงิน 100 ได้เงินทอนน้อยกว่าจะเติมขันกฐินได้อย่างไม่คิดมาก ผมดื่มด่ำกับบรรยากาศและรสชาติโดยไม่ได้คำนึงถึงเงินที่เสียไป หรือแม้คำนึง ผมก็คิดว่ามันคุ้ม
มันคุ้มจริงๆ เหรอ
กลับกันวันนี้ผมเข้าตลาด ใช้จ่ายเงิน 100 ซื้อหมู ซื้อผักกลับไปทำกินที่บ้านได้ทั้งครอบครัว เหลือเผื่อไปถึงเจ้าดุ๊กดิ๊กหมาไฮเปอร์อีกต่างหาก
ผมไม่ได้กำลังจะบอกให้ทุกคนปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ แค่อยากให้คำนึงถึงตัวอย่างของพ่อผมเอง ที่ผมเขียนขึ้นมา ผมไม่มีข้อสรุปอะไรเลยสำหรับบทความๆ นี้ เช่นเดียวกับที่พ่อก็ไม่ได้บอกผมว่า แซนวิซชิ้นนั้นมันแพงไป หรือสอนผมให้รู้จักใช้เงิน หรืออะไร ผมบอกได้แต่เพียงว่า ในขณะที่คุณใช้จ่ายในรูปแบบนี้ คนอีกหลายๆ คน กำลังใช้จ่ายในอีกรูปแบบหนึ่ง
รูปแบบที่ผมกำลังใช้จ่าย เป็นความพอใจ เป็นความสุข แต่กำลังพอกหนี้ผมเรื่อยๆ (ไม่ได้หมายความว่าผมกู้เงินมาซื้อแซนวิซกินหรอกนะ แต่คุณเองก็รู้ ว่าสถานะการเงินคุณเป็นเช่นไร)
ขณะทีรูปแบบของพ่อ เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เกิด มีบ้าน มีรถ มีทรัพย์สิน ส่งผมเรียนจบปริญญาหมดเงินไปไม่รู้กี่แสนกี่ล้าน วันนี้ พ่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผม ทำให้ผมอยากทำตามแบบพ่อ
บางครั้งพ่อก็ไม่ได้จะสอน
แต่พ่อก็เป็นคนสอน ผ่านสิ่งธรรมดาๆ อย่างแซนวิซชิ้นนั้น
หมายเหตุ : เรื่องนี้ผมลงไว้ครั้งแรกในบล็อก Salarymanblog จากนั้นนำไปลงใน Thaimao และ Pantip ซึ่งตอนนี้ผมทำเว็บนี้ WalkingSuccess เว็บเดียวจึงได้นำเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันไว้ในที่นี้ด้วยครับ
***คัดลอกมาจาก
credit :http://walkingsuccess.com/sanwich-and-farmer/
แต่พ่อก็เป็นคนสอน ผ่านสิ่งธรรมดาๆ อย่างแซนวิซชิ้นนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น